วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

โรงเรียนของฉัน

โรงเรียนของฉัน


     เมื่อเราพูดถึงโรงเรียนนักเรียนจะคิดได้อับดับแรกว่าเป็นสถานที่สถานที่หนึ่งที่ให้ความรู้ให้เพื่อนและให้สังคมใหม่ๆ มีครูอาจารย์คอยให้คำปรึกษาแนะแนวทางในการแก้ปัญหาและค่อยสั่งสอนให้คนเป็นคนดีเปรียบเหมือนว่าเป็นพ่อแม่อีกคนโรงเรียนก็เสมือนกับบ้านหลังที่สองของเรา
               ฉันยังจำก้าวแรกที่เข้าไปเรียนโรงเรียนแห่งนั้นได้ฉันรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่สามารถสอบแข่งขันเข้ามาเรีนได้นอกจากความรู้สึกตื่นเต้นดีใจแล้วยังมีความรู้สึกอีกความรู้สึกนั้นคือความกลัวกลัวที่จะพบเจอเพื่อนใหม่สังคมใหม่ที่ฉันไม่เคยรู้จักกลัวที่จะต้องรู้จักเพื่อนที่มาจากต่างสถนที่ต่างโรงเรียนถึงโรงเรียนของฉันจะไม่ใหญ่โตมากนักแต่นับได้ว่าเป็นอีกโรงเรียนหนึงที่นักเรียนหลายต่อหลายคนพยายามที่จะสอบแข่งขันเพื่อให้ได้เข้ามาเรียนโรงเรียนแห่งนี้ โรงเรียนของฉันตั่งอยู่จากฝุ่นละอองเสียงควันของเมืองใหญ่ด้านในมีต้นไม้ที่เป็นสัญญาลักษณ์ของโรงเรียนคือต้นนนทรีปลูกเรียนงรายให้ร่มเงาอยู่ตามริมฟุตบาททางเดินเข้าโรงเรียน ขวามือทางเข้ามีลานธรรมซึ่งมีพระพุทธรูปตั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ตงกลางพร้อมให้นักเรียนไปกราบไหว้บูชาขอพรกัน ฉันจำได้ว่าก่อนที่ฉันจะจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนของนักจะให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทุกห้องเรียนได้จัดทำอาหารคาวหวานเพื่อที่จะมาเลี้ยงพระขอพรให้เป็นศิริมงคลกับชีวิตก่อนที่จะจบการศึกษาออกไป หน้าอาคารเรียนทุกอาคารเรีนจะมีสวนดอกไม้และสนามหญ้า นักเรียนบางส่วนมักจะไปนั่งเล่นเป็นประจำ ใต้ต้นไม้ยังมีม้าหินอ่อนจัดเป็นมุมพักผ่อนเพื่อให้นักเรียนนั่งคุยกันอ่านหนังสือและทบทวนบทเรียนกับเพื่อนๆ ห้องเรียนโต๊ะเก้าอี้ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงามเพราะที่นี้นักเรียนจะเดินเรียน เมื่อเปลี่ยนคาบเรียนจะต้องเปลี่ยนห้องด้วยฉะนั้นก่อนที่นักเรียนจะออกจากห้องก็ต้องจัดโต๊ะเก้าอี้ให้เป็นระเบียบก่อนที่จะออกไปเรียนคาบเรียนต่อไปเพื่อสดวกในการใช้ห้องเรียนของนักเรียนกลุ่มอื่น ห้องสมุดเป็นอีกมุมที่ฉันและเพื่อนๆใช่บริการบ่อยมากเพราะห้องสมุดจะเป็ที่ที่เงียบสงบมีหนังสือมาากมายและยังมีคอมพิวเตอร์ที่จะนำเราไปสู่โลกกว้างอาจารย์บรรณารักษ์จะช่วยควบคุมดูแลไม่ให้เสียงดังรบกวนเพื่อนคนอื่นที่อ่านหนังสือหรือพักผ่อนตามอัทยาศัย การใช่ชีวิตอยู่ภายในรั่วเขียวชมพู่แห่งนี้ฉันได้รับประสบการณ์มากมายมีทั้งความสุขและความทุกข์เสียใจร้องไห้ที่แห่งนี้มีทั่งเพื่อนและครูอาจารย์บ่อยครั้งที่ฉันไม่อยากจะมาเรียนเพราะกฎระเบียบมากมายที่ฉันไม่ชอบบ่อยครั้งที่ฉันโดดเรียนหนีเพื่อไปเที่ยวไปดูหนังแต่พอถึงวันที่ฉันต้องก้าวออกมาจากรั่วเขียวชมพู่แห่งนั้นฉันถึงรู้ว่าไม่สามารถย้อยเวลาแห่งความสุขกลับมาได้เมื่อจบการศึกษาเพื่อนหายคนบ่นว่าระยะเวลา4ปีที่เรียนที่นี้ช่างสั่นแสนสั่นนักและหลายคนต้องแยกย้ายกันไปเรียนต่างที่เพื่อก้าวขึ้นสู้การเป็นผู้ใหญ่ คงจะไม่มีอีกแล้วเสียงกระดิ่งดังกริ๊งๆในตอนเช้าไม่มีเสียงอาจารย์เรียกเราไปเข้าแถวไม่มีเสียงร้องเพลงชาติและที่สำคัญไม่มีอาจารย์มาคอยจำจี้จำไชฉันให้ทำตัวให้ถูกระเบียบเรื่องการแต่งตัว ฉันจำได้เสมอว่าฉันเป็นนักเรียนอีกหลายต่อหลายคนที่ไม่ค่อยจะชอบเข้าแถงเครพธงชาติสักเท่าไรดังนั้นเราจะมีแถวประจำของเราคือแถวสายที่ต้องเครพธงชาติต่างหากและก่อนที่จะได้เข้าห้องเจออาจารย์บ่นอีกนานและกวาดสนามบาตและลานธรรมเพื่อนเป็นการลงโทษ อาจารย์บอกว่าถึงตีก็เจ็บมือเปล่าๆแต่ฉันเชื่อว่าไม้เรียวของอาจารย์สามารถสร้างเด็กที่ไม่เอาไหนแบบฉันให้ประสบความสำเร็จมานักต่อนักแล้วนอกจากการศึกษาในโรงเรียนแล้วยังมีการศึกษานอกโรงเรียนและยังส่งเสริมกิจกรรมที่นักเรียนคิดขึ้นมาเช่นกิจกรรมถ่ายทอดความรู้สู่น้องในถิ่นทุระกันดานและที่ที่เราไปกันเป็นโรงเรียนประถมขนาดเล็กอยู่ อ. คอนสาร จ. ชัยภูมิ โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนไม่ถึง 100คน อาจารย์ที่ประจำมีเพียง 10คนกว่าเท่านนั้นและยังมีกิจกรรมเข้าค่ายพุทธธรรมเป็นการปฏิบัติธรรมที่วัดเวรุวัน ในจังหวัดขอนแก่น ฉัยยังจำวันแรกที่เข้าค่ายได้ว่าเป็นวันที่ทรมานมากจากเหมือนจับปูใส่กระดงเลยแต่พอเอาเข้าจริงๆวันสุดท้ายก็ต้องเสียน้ำตาที่ไม่จากเลย โรงเรียนของฉันแห่งนี้สอนฉันทั้งเรื่องนอกโรงเรียนและเรื่องในโรงเรียนเป็นบ้านที่มีพี่น้องพ่อและแม่อยู่พร้อมหน้าฉันได้ประสบการณ์ที่ดีมากมายตลอดที่ฉันศึกษาอยู่

           โรงเรียนเหมือนเป็นบ้านหลังที่สองถ้าเรารู้จักรักบ้านของเราเราก็ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและมีคุณภาพเพื่อไปพัฒนาบ้านของเราให้เจริญยิ่งขึ้นฉันเชื่อว่าจากจุดเล็กๆที่เราพัฒนาสามารถเป็นประโยชน์กับคนรุ่นหลังและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติของเรามากมาย


การสื่อสาร



การสื่อสาร

การสื่อสารหมายถึงอะไร มีผู้รู้ได้ให้ความหมายเรื่องการสื่อสารไว้ต่างมากมายดังนี้ค่ะ
เดนนิส แมคเควล (McQuail, 2005) กล่าวว่า การสื่อสารหมายถึงการให้และการรับความหมาย การถ่ายทอดและการรับสาร ซึ่งรวมถึงแนวคิดของการโต้ตอบ แบ่งปัน และมีปฏิสัมพันธ์กันด้วย
ต่อไป Wilbur Schramm ก็ได้ให้ความหมายของการสื่อสารไว้ว่า การสื่อสาร คือ กระบวนการแลกเปลี่ยนข่าวสาร เกิดขึ้นโดยการถ่ายทอดสารจากบุคคลฝ่ายหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ส่งสารผ่านสื่อหรือช่องทางต่าง ๆ ไปยังผู้รับสารโดยมี วัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง
ทีนี้มาดูความหมายของการสื่อสารที่คนไทยได้ให้ความหมายกันไว้บ้างค่ะ
สุมน อยู่สิน กล่าวว่า การสื่อสาร คือ กระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสารระหว่างบุคคลต่อบุคลหรือบุคคลต่อกลุ่ม โดยใช้สัญลักษณ์ สัญญาณ หรือพฤติกรรมที่เข้าใจกัน โดยมีองค์ประกอบดังนี้

1. ผู้ส่งสาร คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูล สารไปยังผู้รับสารโดยผ่านช่องทางที่เรียกว่าสื่อ
ถ้าหากเป็นการสื่อสารทางเดียวผู้ส่งจะทำหน้าที่ส่งเพียงประการเดียวแต่ถ้าเป็นการสื่อสาร 2 ทาง
ผู้ส่งสารจะเป็นผู้รับในบางครั้งด้วย ผู้ส่งสารจะต้องมีทักษะในการสื่อสาร มีเจตคติต่อตนเอง
ต่อเรื่องที่จะส่ง ต้องมีความรู้ในเนื้อหาที่จะส่งและอยู่ในระบบสังคมเดียวกับผู้รับก็จะทำให้การ
สื่อสารมีประสิทธิภาพ
2. ข่าวสาร ในการะบวนการติดต่อสื่อสารก็มีความสำคัญ ข่าวสารที่ดีต้องแปลเป็นรหัส เพื่อ
สะดวกในการส่งการรับและตีความ เนื้อหาสารของสารและการจัดสารก็จะต้องทำให้การสื่อ
ความหมายง่ายขึ้น
3. สื่อหรือช่องทางในการรับสาร คือ ประสาทสัมผัสทั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น และกายสัมผัส
และตัวกลางที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เช่น สิ่งพิมพ์ กราฟิก สื่ออิเลกทรอนิกส์
4. ผู้รับสาร คือ ผู้ที่เป็นเป้าหมายของผู้ส่งสาร การสื่อสารจะมีประสิทธิภาพ ผู้รับสารจะต้อง
มีประสิทธิภาพในการรับรู้ มีเจตคติที่ดีต่อข้อมูลข่าวสาร ต่อผู้ส่งสารและต่อตนเอง
หวังว่าบทความนี้ คงทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจว่าการสื่อสารหมายถึงอะไรเพิ่มขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อยน่ะค่ะ